เมนู

ปุริมโกฏิปัญหา ที่ 2


ราชา

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการปุจฉาอรรถปัญหาสืบต่อไป
เล่าว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแก่พระนาคเสนผู้มีปรีชาญาณเป็นอันดี พระผู้เป็นเจ้าว่ากับโยมเมื่อ
กี้นี้ว่า ปุริมโกฏิ น ปญฺญายติ ที่สุดเบื้องต้นแห่งกาลไม่ปรากฏ และที่สุดเบื้องต้นแห่งการไม่
ปรากฏนั้น คือกาลที่เป็นอดีตล่วงไป นับถอยหลังลงไปว่าตั้งนาม ตั้งรูปนั้นแต่ครั้งนั้น ได้แก่อดีต
กาลที่ล่วงไปนี้ กระนั้นหรือประการใด
พระนาคเสนถวายพระพรว่า อดีตกาลล่วงไปนี้มีที่สุดเดิมไม่ปรากฏดุจพระโองการถาม
ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นประชากรมีสุนทรราชโองการถามพระนาคเสนว่า ข้าแต่
พระผู้เป็นเจ้าที่สุดเดิมโดยเหตุอื่นนี้จะไม่ปรากฏทีเดียวเจียวหรือ หรือว่าจะปรากฏบ้างประเภทใด
พระนาคเสนถวายพระพรพยากรณ์แก้ไขว่า มหาราช ดูรานะบพิตรผู้ประเสริฐ ซึ่งพระ
ราชโองการตรัสถามนั้นบางทีก็ปรากฏ น ปญฺญายติ บางทีก็ไม่ปรากฏ ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากรทรงซักถามว่า บางทีปรากฏนั้นอย่างไร บางทีไม่
ปรากฏนั้นอย่างไร
พระนาคเสนเสนวิสัชนาแก้ไขว่า สิ่งทั้งปวงที่ไม่มีที่สุดเดิมมาแก่ก่อนเลยนั้นแลเรียกว่า
ที่สุดเบื้องต้นไม่ปรากฏ ประการหนึ่ง สิ่งทั้งปวงไม่มี กลับมีขึ้นแล้วปราศจากไป อย่างนี้เรียกว่า
ที่สุดเบื้องต้นปรากฏ
พระเจ้ากรุงมิลินท์จึงมีพระโองการตรัสว่า นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าอุปมาซึ่งบทที่ว่า ที่สุด
เดิมไม่ปรากฏจะเหมือนด้วยสิ่งอันใด
พระนาคเสนก็สำแดงบทอุปมาว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร เปรียบปาน
ดุจต้นไม้ประกอบไปด้วยใบดอกออกผล ครั้นหล่นลงเหนือปฐพี ก็งอกขึ้นเป็นต้นลำผลิ
ดอกออกผลต่อ ๆ กันมานั้น ที่สุดเดิมอยู่ที่ไหนนะ บพิตรพระราชสมภาร
พระเจ้ากรุงมิลินท์จึงมีพระราชโองการตรัสว่า จะหาที่สุดเดิมนั้นหาไม่ได้
พระนาคเสนถวายพระพรว่า ฉันใดก็ดี ฝูงสัตว์ที่เกิดมานี้หาที่สุดเดิมมิได้ดุจต้นไม้นั้น
ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า โยมยังสงสัยอยู่ จง
อุปมาอุปไมยให้ยิ่งขึ้นไปกว่านี้ก่อน